จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเขตชุมชนเมือง ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย
ข้ามไปสำรวจนวัตกรรมเพื่อสังคมของ Hitachi ด้านการแก้ปัญหาด้านน้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของประชากรโลกคิดเป็น 60% โดยมีการคาดการณ์ถึงการขยายตัวของเขตชุมชนเมืองในภูมิภาคนี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า จะเกิดการขาดแคลนน้ำถึง 40% ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ สถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในภูมิภาคนี้เลวร้ายลงไปอีก โดยประชากรมากกว่า 100 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะต้องดำรงชีวิตโดยที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยได้
นอกจากนี้ ภัยแล้งยังคงเป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่มักเกิดขึ้น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย เนื่องจากผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ปัญหาภัยแล้งจึงเกิดความรุนแรงในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ปัญหาความมั่นคงด้านน้ำและผลกระทบอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นทอด ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น การผลิตอาหารลดลง การสูญเสียงาน การอพยพย้ายถิ่นโดยถูกบังคับ ตลอดจนความไม่มั่นคงภายในภูมิภาค อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องเผชิญกับความยากจนอย่างไม่เท่าเทียมด้วยเช่นกัน
แหล่งน้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้รับผลกระทบจากมลพิษที่เกิดจากสารเคมี ของเสียจากอุตสาหกรรม และน้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัด จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าน้ำในแม่น้ำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กว่า 80% กำลังได้รับผลกระทบจากมลพิษ มลพิษเกิดจากแหล่งกำเนิดที่หลากหลาย เช่น น้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัด น้ำทิ้งจากภาคการเกษตร หรือตะกอนที่ถูกชะล้างมาจากการพังทลายของผืนดินที่เสื่อมโทรมจากการมีฝนตกหนัก
ปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอาเซียนคือ ปัญหาของโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ หลายประเทศกำลังประสบปัญหาการขาดโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงงานบำบัดน้ำหรือระบบการจ่ายน้ำประปาที่ทันสมัย
ในประเทศอินโดนีเซียมีครัวเรือนเพียง 20% เท่านั้นที่มีน้ำประปาใช้
ด้วยอัตราการบำบัดน้ำเสียเพียง 15% โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในเวียดนามจึงอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน
ในประเทศฟิลิปปินส์ ครัวเรือนกว่า 11 ล้านครัวเรือนไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ในระหว่างฤดูแล้ง
ตัวอย่างเช่น ในประเทศอินโดนีเซียมีครัวเรือนเพียง 20% เท่านั้นที่มีน้ำประปาใช้ ตามรายงานของเว็บไซต์ water.org ประชากรชาวอินโดนีเซียจำนวนกว่า 192 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัย
โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในประเทศเวียดนามก็อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน ด้วยอัตราการบำบัดน้ำเสียเพียง 15% ทำให้ประเทศเวียดนามต้องใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการบำบัดน้ำและการระบายน้ำมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การศึกษาทรัพยากรน้ำแห่งชาติของประเทศมาเลเซียคาดการณ์ว่าภายในปี 2593 ความต้องการน้ำเพื่อใช้ในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการเกษตรจะเพิ่มสูงขึ้น 103% นอกจากนี้ ประเทศมาเลเซียยังให้ความตระหนักต่อปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในปี 2573 และอยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการในการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่เพื่อบรรเทาวิกฤติภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้น
และในประเทศฟิลิปปินส์ ครัวเรือนกว่า 11 ล้านครัวเรือน ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ในระหว่างฤดูแล้ง โดยต้องอาศัยใช้น้ำจากบ่อน้ำลึกที่ไม่ถูกสุขอนามัย แม่น้ำ ทะเลสาบ และน้ำฝน บางพื้นที่ในประเทศฟิลิปปินส์อาจต้องเผชิญกับปัญหาการหยุดจ่ายน้ำเป็นเวลาหลายสัปดาห์เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้แต่ประเทศสิงคโปร์ที่มีศักยภาพสูงในการบำบัดน้ำและการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ก็ยังคงให้ความตระหนักต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากความต้องการน้ำอาจเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในปี 2608
เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนมาใช้โซลูชันทางเทคโนโลยีเพื่อเป็นวิธีการแก้ปัญหา ตัวอย่างของวิธีการแก้ปัญหาที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ผ่านกระบวนการบำบัด และการลดการรั่วไหลในระบบน้ำ
โซลูชันทางเทคโนโลยีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำได้
ตัวอย่างเช่น Hitachi เป็นผู้นำแนวหน้าในการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลสำหรับประเทศสิงคโปร์ โดยมีความร่วมมือกับคณะกรรมการด้านสาธารณูปโภคในพื้นที่ในระหว่างช่วงเริ่มต้น กระบวนการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลจะเกิดขึ้นโดยการทำให้น้ำทะเลมีความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการกรองด้วยระบบไมโครและระบบ Reverse Osmosis เพื่อให้ได้น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงซึ่งสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย
วิธีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลของ Hitachi สามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ในหลายประเทศ รวมถึงมัลดีฟส์ และภูมิภาคตะวันออกกลาง อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำจืดให้กับเครือโรงแรมระดับนานาชาติในบางเกาะภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
นอกจากนี้ Hitachi ยังเตรียมประกาศเปิดตัวโรงงานบำบัดน้ำเสียในกรุงมะนิลาในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย โดยโรงงานบำบัดน้ำเสียดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือระหว่าง Hitachi กับ Maynilad Water Services และจะช่วยเพิ่มอัตราการบำบัดน้ำเสียเป็น 50% ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเส้นทางการจัดการน้ำของประเทศฟิลิปปินส์
คุณมาโกะ โคบายาชิ ผู้จัดการทั่วไปด้านน้ำและสิ่งแวดล้อมของบริษัท Hitachi Asia จำกัด สาขาฟิลิปปินส์ เล่าถึงประสบการณ์ของเธอในฐานะผู้อยู่อาศัยในกรุงมะนิลาว่า “นี่เป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านน้ำในกรุงมะนิลา”
นอกจากนี้ Hitachi ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของเกาะที่สามารถเข้าถึงน้ำจืดที่ปลอดภัยได้อย่างจำกัด เทคโนโลยีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลแบบแยกส่วนสามารถติดตั้งเพิ่มเติมในภาชนะได้ และสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วซึ่งตั้งค่าการทำงานได้อย่างง่ายดาย
Hitachi มีความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญจากการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งทุกคนจะสามารถมีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัย
นี่คือการใช้นวัตกรรมเพื่อสังคมที่แท้จริง
วันที่วางจำหน่าย: เดือนมกราคม 2568