ค้นหา
S.E.A
ความเข้าใจในนวัตกรรมทางสังคมและความสำคัญที่มีต่ออาเซียน
นวัตกรรมทางสังคมเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประชากรในอาเซียน นี่คือความเชื่อหลักภายในฮิตาชิ เอเชีย
เมื่อได้พูดคุยกับนายโคสุเกะ โฮริอุชิ อดีตกรรมการผู้จัดการ (วาระตั้งแต่ เมษายน 2560 ถึง มีนาคา 2563) บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย จำกัด
โฮริอุชิได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพูดต่อไปถึงอุปสรรคสำคัญ 3 ประการที่กำลังเผชิญอยู่ในภูมิภาคนี้
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าเทคโนโลยีของฮิตาชิมีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อประเทศในอาเซียน
และต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในภูมิภาคนี้
บทสนทนาในวิดีโอ
| ผู้สัมภาษณ์ | เราได้ยินกันมาอย่างหนาหูเรื่องธุรกิจนวัตกรรมทางสังคม นวัตกรรมทางสังคมมีความหมายอย่างไรต่อฮิตาชิ? |
|---|---|
| Horiuchi | นวัตกรรมทางสังคมเป็นแนวคิดมีการตั้งคำถามขึ้นภายในองค์กรอยู่ตลอดเวลา “เราจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปใช้เพื่อยกระดับชีวิตหรือแก้ไขปัญหาของสังคมอย่างไร” จากมุมมองของฮิตาชิ ธุรกิจนวัตกรรมทางสังคมของเราจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเรานำจุดแข็ง และประสบการณ์ของเราในด้านเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (OT) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มาใช้ร่วมกัน เราให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่สังคมในปัจจุบันต้องเผชิญ และพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นสำหรับประชากรในอาเซียน อาเซียนเป็นภูมิภาคที่กว้างใหญ่และหลากเชื้อชาติ ที่มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเที่ยมกัน ประเทศบางประเทศอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาสู่ความเป็นเมือง ขณะที่บางประเทศกำลังก้าวเข้าสู่การพัฒนาขั้นสูง ด้วยเหตุนี้ ความจำเป็นของแต่ละประเทศจึงแตกต่างกัน บางประเทศต้องขอรับความช่วยเหลือเรื่องความจำเป็นประจำวัน อาทิ น้ำและไฟฟ้า ประเทศอื่นอาจขอรับความช่วยเหลือเรื่องปัญหาจราจรที่หนาแน่น ฮิตาชิมีศักยภาพในการช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคมเหล่านี้ |
| ผู้สัมภาษณ์ | ดังนั้นเพราะเหตุใดนวัตกรรมทางสังคมจึงมีความสำคัญต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
| โฮริอุชิ |
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพด้านการเติบโตที่สูงมาก และจะเกิดประโยชน์กับภูมิภาคที่มีประชากรมากกว่า 640 ล้านคน br /> มีการคาดการณ์ว่าภายใน 2050 อาเซียนจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก มีการคาดการณ์ว่จำนวนครัวเรือนในชนชั้นกลาง จะเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2025 ด้วยนวัตกรรมทางสังคมของฮิตาชิ เราเชื่อว่าเราสามารถช่วยให้อาเซียนบรรลุศักยภาพสูงสุด |
| ผู้สัมภาษณ์ | คุณคิดว่าอะไรคืออุปสรรคสำคัญที่ภูมิภาคกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้? |
| โฮริอุชิ | ผมนึกถึง 3 อุปสรรค การเข้าถึงไฟฟ้า, การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ, และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ประชากร 65 ล้านคนในภูมิภาคไม่มีไฟฟ้าใช้งาน ต้องมีการให้ความช่วยเหลืออย่างมากกับประเทศอย่างเมียนมา ที่อัตราการเข้าถึงไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งมีประชากรไปทำงานในเมืองหลวงมากเท่าไหร่ จำนวนยานพาหนะบนท้องถนนเพิ่มขึ้น และการขนส่งสาธารณะก็หนาแน่นอย่างมาก การจราจรที่หนาแน่นสามารถทำให้เศรษฐกิจต้องสูญเสียรายได้หลายล้านดออลาร์ต่อไป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพียง 58 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอเมริกาเหนือที่ 88 เปอร์เซ็นต์ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอาเซียน |
| ผู้สัมภาษณ์ | คุณแบ่งปันตัวอย่างของวิธีที่ฮิตาชิมีส่วนในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมทางสังคมในอาเซียมได้ไหม? |
| โฮริอุชิ | ผมขอยกตัวอย่างโครงการสำคัญบางโครงการ: #1:ฮิตาชิกำลังสร้างรถไฟใต้ดินในกรุงเทพและโฮจิมินห์ เพื่อบรรเทาความหนาแน่นของจราจรและพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ #2: เรากำลังร่วมมือกับเวียดนามโพสต์ เพื่อเปิดตัวระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะใช้เป็นฐานรองรับโครงการสร้างระบบไร้เงินสดทั่วประเทศในอนาคต #3: เรากำลังจัดหาหม้อแปลงระบบจำหน่าย 5,400 ตัวให้กับเมียนมา เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น #4: ฮิตาชิร่วมมือกับ Sky Energy และกลายเป็นผู้ผลิตแผงแซลล์แสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ช่วยให้ประเทศตั้งเป้าที่จะมีพลังงานหมุนเวียน 23% ภายในปี 2025 #5: เมื่อเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมา เราได้จัดตั้งศูนย์ Lumada ในประเทศไทย ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อช่วยผลักดันโครงการประเทศไทย 4.0 นอกจากนี้ ฮิตาชิมีส่วนร่วมทางนวัตกรรมทางสังคมด้านอื่น ๆ ในเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ บริการดูแลสุขภาพ, เทคโนโลยีการเงิน, เมืองอัจฉริยะ และอีกมากมาย ผมเชื่อว่าประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ และเทคโนโลยีสารสนเทศของเรา จะสร้างความแตกต่างในการทำงานของเราอย่างมาก ในระยะเวลา 100 ปีตั้งแต่ที่เราก่อตั้ง ฮิตาชิได้สร้างแหล่งองค์ความรู้จำนวนมาก ที่ช่วยให้เราตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าจากทั่วโลก เราเชื่อในเรื่องนวัตกรรมทางสังคม และฮิตาชิได้ผนึกกำลังกับคู่ค้า โดยมีเป้าหมายที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตของประชากรอาเซียน |
Release Date: มีนาคม 2563
