ในส่วนของการปล่อยก๊าซจากยานพาหนะ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบกภาระรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เพราะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นร้อยละ 40 และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 23 ของโลก
โลกตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ความต้องการโซลูชั่นระบบขนส่งที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นภูมิภาคทจำนวนประชากรที่มากกว่า 680 ล้านคน การขยายเขตเมือง และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มลพิษทางอากาศ และการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อเป็นการรับประกันการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาคนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเร่งการนำระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (e-mobility) มาใช้ ทั้งนี้ รัฐบาล ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และผู้บริโภคต่างกำลังร่วมมือกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
ในส่วนของการปล่อยก๊าซจากยานพาหนะ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบกภาระรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เพราะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นร้อยละ 40 และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 23 ของโลก
การเข้าสู่สู่ยุคยานพาหนะแบบระบบไฟฟ้า (electrification) ทั้งภาคเอกชนและรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีทั้งยานพาหนะขนาดใหญ่และขนาดกลางจะเป็นตัวเร่งที่ทรงพลังสู่ระบบขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ทั้งนี้ รถพลังงานไฟฟ้า (EV) มีการปล่อยสารพิษจากท่อไอเสียเป็นศูนย์ ลดมลพิษทางอากาศ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นวิธีจัดการความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้
Hitachi เร่งขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ด้วยการนำพลังแห่งเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อจัดการกับความท้าทายที่ผู้ประกอบธุรกิจยานพาหนะต้องเผชิญ เมื่อพิจารณาเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า
ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของรถพลังงานไฟฟ้า
ด้วยการพัฒนาเครื่องมือที่รองรับความสามารถของทุกกลุ่มในห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการตามโยบายทางเศรษฐกิจ
จัดทำโครงการนำร่อง และการสาธิตต่างๆ รวมทั้งลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟ
จากข้อมูลตามรายงาน*:
90
ภายในปี พ.ศ. 25732,000
คันภายในปีพ.ศ. 257321
ภายในปีพ.ศ. 25733,000
คันภายในปี พ.ศ. 2573และยกเลิกการใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ภายในปี พ.ศ. 258333,000
คันภายในปี พ.ศ. 2573ด้วยเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญมากมายที่ล้ำยุค โซลูชั่นของ Hitachi มียานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ให้บริการ อาทิเช่น รถบัสที่มาพร้อมกับระบบพื้นฐาน ระบบการทำงานที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดพลังงาน รวมทั้งสร้างรายได้หลักให้บริษัทพร้อมลดความเสี่ยงไปพร้อมกัน โดยโซลูชั่นที่โดดเด่นที่ Hitachi นำเสนอประกอบด้วย:
ความก้าวหน้าและโซลูชั่นเหล่านี้สร้างการเติบโตให้แก่ระบบนิเวศรถพลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมระบบคมนาคมที่ยั่งยืน
มีความพยายามร่วมกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการขับเคลื่อนยานพาหนะระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคส่วนต่างๆ อาทิเช่น หน่วยงานรัฐบาล และองค์กรในภูมิภาคได้ทุ่มเทอย่างหนักในการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า การส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในระดับท้องถิ่น รวมทั้งการสนับสนุนความร่วมมือเพื่อส่งเสริมทางเลือกด้านคมนาคมที่ยั่งยืน การริเริ่มเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพันธกิจของภูมิภาคในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่า Hitachi ได้ดำเนินโครงการต่างๆ จนสำเร็จทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งตลาดเอเชียแปซิฟิกและยุโรป แต่ยังมีโอกาสที่เป็นไปได้อีกมากมาย รวมถึงกลุ่มตลาดใหม่ๆ ให้ Hitachi สามารถเจาะและผลักดันการนำระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยการนำเสนอวิธีการใหม่ในการเดินทางและการขนส่งสีเขียวและยั่งยืน นวัตกรรมทางสังคมของ Hitachi กำลังขับเคลื่อนสิ่งดีๆ ผ่านปรับปรุงมาตรฐานการใช้ชีวิตและคุณภาพชีวิตของประชากรหลายล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันที่เผยแพร่: เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ชี้ให้เห็นว่า 9 ใน 10 คน ในภูมิภาคนี้หายใจเอาอากาศที่มีมลพิษเกินกว่าค่าสูงสุดที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้เข้าสู่ร่างกาย