นวัตกรรมของ Hitachi ได้ส่งผ่านสิ่งที่ดีให้กับสังคมในยุคโควิด-19
จากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน และภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการเหตุการณ์ครั้งนี้มากที่สุด
สิ่งนี้ทำให้หลายภาคส่วนเกิดความกังวลในประเด็นของวิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในระดับภูมิภาค และยังรวมถึงวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศให้กลับสู่ ภาวะการเติบโตในจุดที่สูง อีกครั้งเหมือนตอนก่อนเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่
ขณะที่หลายประเทศในอาเซียนได้ชะลอการพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองเพื่อมาให้ความสำคัญกับการควบคุมโรคระบาดเป็นอันดับแรก นวัตกรรมของ Hitachi ได้เข้ามาช่วยให้ภาคธุรกิจและสังคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงวางรากฐานในภาพรวมเพื่อก้าวเข้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนในรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่
การจัดการภาวะหยุดชะงักโดยฉับพลันอันเกิดจากสถานการณ์โรคโควิด -19
Hitachi ได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความสามารถที่สั่งสมมายาวนานในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดใน การกักตัวอยู่ในบ้านรูปแบบใหม่ภายใต้ระบบบ้านอัจฉริยะ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถปรับตัวในขณะที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้
Tระบบอัจฉริยะดังกล่าวประกอบด้วย Central Monitoring Application ซึ่งเป็นระบบที่สามารถกำหนดค่าความปลอดภัยของการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยแบบฉับพลันในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎ การเชื่อมโยงระบบเข้ากับอุปกรณ์ Internet of Things ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Hitachi จะช่วยสร้างความทนทานต่อการงัดแงะหรือดัดแปลงสภาพ ทำให้ในหลายองค์กรสามารถนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปใช้เพื่อให้สอดคล้องตามกฎระเบียบการกักตัวได้ดียิ่งขึ้น
Hitachi ยังปรับใช้ Central Monitoring Application สำหรับการใช้งานในอาคารที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่น กล่าวได้ว่าระบบดังกล่าวจะถูกติดตั้งโปรแกรมให้สามารถระบุตัวตนผู้ใช้และดึงข้อมูลของบุคคลเหล่านั้นออกมาได้ จากนั้นข้อมูลดังกล่าวจะถูกบันทึกไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์และประมวลผลในรูปแบบรายงานบุคคลที่มีการเข้าออกพื้นที่ หากกรณีที่มีความจำเป็นต้องติดตามตัวบางบุคคล ข้อมูลเหล่านี้จะอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น
นอกเหนือจากนั้น Hitachi ได้คิดค้นวิธีที่จะช่วยให้อัตราการติดเชื้อโรคระบาดลดลงด้วยการเร่งผลักดันการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนได้มากที่สุด
องค์กรของเราได้ร่วมบริจาคเงินให้กับกองทุนจัดซื้อและจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แห่งชาติของประเทศ เวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือการจัดซื้อและนำเข้าวัคซีนตลอดจนการทำวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนภายในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
Hitachi ได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามแนวทางปฏิบัติตนในสถานที่ทำงานที่ออกบังคับใช้โดยรัฐบาลเวียดนาม เช่น การปฏิบัติตามแนวทาง 5K ของกระทรวงสาธารณสุข การทำงานจากที่บ้าน การปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และการตรวจคัดกรองสุขภาพอย่างเข้มงวด
แรงผลักดันที่สำคัญอีกประการหนึ่งในความพยายามการแก้ไขปัญหาวิกฤตครั้งนี้ คือการให้การสนับสนุนที่จำเป็นอย่างมากแก่บุคลากรด่านหน้า
ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับ องค์กรระดับโลก และอีกในหลายภูมิภาค เช่น ในทวีปยุโรป ได้ทำการปรับสายการผลิตให้มาทำการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อตอบสนองกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีความต้องการอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก
ระบบการปฏิบัติงานยังต้องดำเนินได้แม้ในยามวิกฤติ
นวัตกรรมของ Hitachi ยังถูกนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเพื่อช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งรวมไปถึงผลงานของเราที่ร่วมกับ Standard and Industrial Research Institute of Malaysia (SIRIM) ในการนำนโยบาย Industry 4.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่บน cloud-based services มาใช้กับ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่รูปแบบดิจิทัล
ความร่วมมือนี้มุ่งเน้นไปที่การปิดช่องโหว่ทางเทคโนโลยีที่ธุรกิจ SMEs ของประเทศมาเลเซียกำลังประสบปัญหาอยู่ เช่น ระบบการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตและการบริหารการจัดการการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า
เพื่อช่วยให้องค์กรทั้งหลายในทุกภาคส่วนดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในขณะที่ต้องเผชิญกับมาตรการและข้อจำกัดเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ Hitachi ได้เพิ่มศักยภาพในการใช้งาน ระบบเทคโนโลยีชีวมิติในการยืนยันตัวตน
นั่นก็คือเครื่องสแกนเส้นเลือดและลายนิ้วมือแบบไร้การสัมผัส ซึ่งเมื่อรวมกับเทคโนโลยี Hitachi Biometric SDK for Windows Front Camera จะช่วยให้ง่ายต่อการยืนยันตัวบุคคลและปลอดภัยขึ้น โดยสามารถนำไปใช้กับการชำระเงินแบบไร้เงินสดในธุรกิจค้าปลีกหรือการควบคุมการเข้าออกพื้นที่สำนักงาน
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ต้องเพิ่มการวิจัยทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้กำลังถูกท้าทายไม่เพียงแค่ข้อจำกัดทางกายภาพที่อาจทำให้ผลการวิจัยออกมาล่าช้า แต่ยังเป็นเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการวิจัยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยในโลกยุคดิจิทัล
จากความท้าทายดังกล่าวทำให้เทคโนโลยีของ Hitachi Vantara ได้เข้ามาช่วยความพยายามของบริษัทเทคโนโลยีและองค์กรด้านการดูแลสุขภาพในการใช้ Cloud-Based Workspace-as-a-Service (WaaS) ให้สามารถมุ่งเน้นไปที่ผลของการวิจัยและงานเชิงวิเคราะห์ที่เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนกว่าการทำงานด้วยเครื่องจักร
การขับเคลื่อนสู่อนาคตที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
Hitachi ได้ช่วยเตรียมการสร้างสังคมรูปแบบใหม่ที่ดีขึ้นในยุคหลังเกิดโรคระบาด
ตัวอย่างเช่น เรากำลังเสริมสร้างให้บริษัทจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเทคโนโลยีที่เตรียมพร้อมต่อระบบโรงงานอัจฉริยะผ่านความสามารถของระบบ Internet of Things และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นใน ประเทศไทย แล้ว โดยการรวมข้อมูลเชิงลึกของ Lumada Manufacturing เข้ากับระบบ Internet of Things เพื่อรวบรวมข้อมูล “4M” ได้แก่ มนุษย์ เครื่องจักร วัสดุ วิธีการ เป็นการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการดำเนินการผลิตและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องจากการผลิตมาเก็บบันทึก วิเคราะห์ และประมวลผลออกมาแสดงให้เห็นในรูปแบบดิจิทัล
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้โรงงานสามารถสร้างชุดข้อมูลเพื่อมาปรับปรุงกระบวนการผลิตและช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการใช้ทรัพยากรในการผลิตและเพิ่มปริมาณของผลผลิตได้มากขึ้น รวมถึงสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อันนำไปสู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในที่สุด
Hitachi ได้ร่วมสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเมืองใหญ่ๆ เป็นจำนวนมากจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในหลายโครงการ เช่น SLEB Smart Hub ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแบ่งปันข้อมูลและคิดค้นวิธีการที่สามารถช่วยประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและตึกใหญ่ในเมือง
เทคโนโลยี SLEB Smart Hub สามารถช่วยให้เจ้าของอาคารได้เรียนรู้และนำเทคโนโลยีการบริหารการจัดการในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพภายในอาคารซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ให้เห็นขั้นตอนและรายละเอียดในการจัดการ
แต่อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์โรคระบาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ธุรกิจ e-commerce และบริการ จัดส่งสินค้า ตามบ้านโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการสัญจรของผู้คนในการเข้าออกอาคารเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ทำให้ เทคโนโลยีระบบจัดการอาคารอัจฉริยะ ของ Hitachi มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในอาคารให้ได้ประโยชน์สูงสุด
การรับรองว่าปริมาณการใช้พลังงานนั้นสอดคล้องกับจำนวนของผู้คนที่สัญจรอยู่ภายในอาคารควบคู่กับปัจจัยในหลายด้าน เช่น สภาพอากาศ เป็นต้น จะทำให้ความต้องการการใช้พลังงานลดลงให้ต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้สัญจรภายในอาคาร
นอกเหนือจากนั้น เราได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านการบริการทางการเงินไปสู่รูปแบบดิจิทัล
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิด พฤติกรรมการชำระเงินแบบไร้เงินสดเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปมาในการทำธุรกรรมด้วยเงินสด
ด้วยเหตุนี้ Hitachi จึงทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนในประเทศ เวียดนาม เพื่อให้องค์กรและประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์จากบริการการชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านธุรกิจ e-commerce รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย
การเตรียมพร้อมสำหรับนวัตกรรมในระยะยาว
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีการเจริญเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเป็นจำนวนมาก
การเปลี่ยนแปลงและสร้างสังคมในรูปแบบใหม่สำหรับโลกในยุคหลังโรคระบาดนั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาปรับใช้ให้มากขึ้นเพื่อช่วยให้สภาพแวดล้อมของสังคมใหม่สามารถยืนหยัดและรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังสามารถมองหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นๆ ได้ด้วย
Hitachi ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่ดีเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และนำพาทุกคนก้าวเข้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป
วันที่เผยแพร่: ตุลาคม 2564