“เรารู้เพียงสองสิ่งเกี่ยวกับอนาคต: นั่นคือเป็นสิ่งที่รู้ไม่ได้ และมันจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันรวมถึงแตกต่างจากสิ่งที่เราคาดหวังไว้”
── ปีเตอร์ ดรักเกอร์ *1
หนทางที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับการคาดเดาไม่ได้นี้คืออะไร นี่คือหนึ่งในหลายความท้าทายที่ธุรกิจต่างๆ พบเจอในปัจจุบัน รวมไปถึงความยากในการที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ในอดีต ธุรกิจจะจำแนกประเภทเหตุการณ์และรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้โดยพิจารณาความบังเอิญล่วงหน้าเอิญของแต่ละประเภทเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนในอุปทานและราคารวมถึงความชอบส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างหลากหลายก็กำลังเกิดและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ข้ามพรมแดน ต่างก็ประสบกับความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมตามภูมิภาค หากพยายามที่จะจำแนกประเภทต่างๆ อย่างถูกต้อง อาจทำให้มีหลายประเภทหมวดหมู่ยิบย่อยจนล้นเกิน และเพราะตามหลักแล้วการมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าทุกประเภทนั้นเป็นไปไม่ได้ ธุรกิจจึงจำเป็นต้องอัปเดตวิธีการและการจำแนกประเภทเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามและคุณค่าในตัว
หนทางที่จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เหล่านี้ได้ ก็คือต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปัจจุบันมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในหลากหลายประเภทอยู่แล้ว เพียงแต่ละประเภทมีข้อจำกัดในการนำไปใช้โดยเฉพาะที่แตกต่างกัน กล่าวคือมีเพียง “ปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้เฉพาะทาง” เท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น มีปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยในการสร้างคำแนะนำของลูกค้าให้แก่ผู้ค้าปลีก มีระบบจดจำใบหน้าที่ตรวจจับใบหน้าจากข้อมูลภาพถ่าย มีระบบที่สามารถตอบแบบสอบถามได้ เทคโนโลยีต่างๆ ที่สามารถระบุใบหน้าผู้คนจากภาพถ่ายทางออนไลน์ ประเภทเหล่านี้ของปัญญาประดิษฐ์จะต้องถูกออกแบบโดยมนุษย์ตามสมมติฐานของข้อมูลที่พวกเขาได้ทำการป้อนลงไป มีการปฏิบัติตามคำสั่งโดยโปรแกรม รวมถึงวิเคราะห์และพัฒนาแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้นตามที่พบเจอ และหนึ่งในข้อเสียของการที่มนุษย์สร้างปัญญาประดิษฐ์ขึ้นโดยยึดตามสมมติฐานคือ สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นมักจะไม่ให้ผลลัพธ์ใหม่ที่นอกเหนือจากไอเดียของมนุษย์
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของฮิตาชิ หรือ H เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ตระหนักถึงอีกขั้นที่เหนือกว่าของการใช้งานอเนกประสงค์ซึ่งฮิตาชิได้คิดค้นและประกาศใช้เมื่อปี 2015 H เปิดตัวว่าเป็น “ปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้งานอเนกประสงค์” ในเชิงพาณิชย์ครั้งแรก*2 โดยสามารถสร้างสมมติฐานจำนวนมากโดยอัตโนมัติกว่าหนึ่งล้านสมมติฐาน จากนั้นจะรับคำสั่งแล้วเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดที่กำหนดโดยมนุษย์ ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้เฉพาะทางและปัญญาประดิษฐ์สำหรับใช้งานอเนกประสงค์ของ H คือ H จะมีสมมติฐานสำหรับประกอบการตัดสินใจด้วยตนเองโดยอิงจากข้อมูลที่มี
นี่คือหนึ่งในการทดลอง หุ่นยนต์ H ถูกจับวางไว้บนชิงช้าที่ทำจากตัวต่อของเล่น เพื่อทำการทดลอง “การเพิ่มมุมเบี่ยงเบนของการไกว” เราจึงให้เงื่อนไขคำสั่ง “การย่อและการยืดเข่า” รูปแบบสมมติฐานของ H ว่าจะย่อเข่ามากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับจากการเคลื่อนไหวของตัว H เอง จากนั้นมันจะทำการค้นหาค่าที่เหมาะสมที่สุด (ปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้เฉพาะทางต้องให้มนุษย์ตั้งค่าและป้อนข้อมูล) หุ่นยนต์ H เริ่มที่จะไกวชิงช้าโดยใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งนาที และภายในเวลาห้านาทีก็มีการเคลื่อนไหวที่เร็วขึ้นเกินกว่าการควบคุมของมนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้งานอเนกประสงค์สามารถศึกษาจากข้อมูลจำนวนมหาศาลและทำการตัดสินใจด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องใช้คนในการป้อนคำสั่งหรือสมมติฐานและยังสามารถค้นพบโซลูชั่นที่มนุษย์อาจยังไม่เข้าใจอีกด้วย ดังนั้นจึงจัดได้ว่า H เป็น “ปัญญาประดิษฐ์” อย่างแท้จริงที่สุด
H กำลังถูกนำไปประยุกต์ใช้กับหลายระบบที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาในหลากหลายขอบข่ายงานโดยไม่ต้องกำหนดหรือปรับแก้เพิ่มเติม เมื่อนำ H มาใช้เป็นตัวช่วย มันสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อเปลี่ยนระบบต่างๆ ที่มีอยู่ให้เป็นระบบต่างๆ ที่พัฒนามากขึ้น นี่ก็เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เราสามารถเรียก H ว่าเป็น “ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการใช้งานอเนกประสงค์”
ยกตัวอย่างเช่น โกดังขนส่งสินค้าที่ใช้ H เป็นตัวช่วยในระบบการจัดการโกดังสินค้า (WMS) มีการพัฒนาผลการผลิตที่เพิ่มขึ้นถึง 8% ส่วนการพัฒนาอื่นๆ ที่เห็นผลเช่น มียอดขายจากหน้าร้านเพิ่มขึ้น 15% และยอดขายจากคำสั่งซื้อทางศูนย์ให้บริการทางโทรศัพท์เพิ่มขึ้น 27% นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการเงิน การรถไฟ โรงผลิตน้ำ และงานในขอบข่ายอื่นๆ ซึ่งในขณะนี้มีอยู่ 57 แผนงาน ใน 14 ขอบข่ายงานที่แตกต่างกัน
ต่อไปถึงคราวของคุณแล้ว H จะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณในการรับมือกับธุรกิจในยุคใหม่ที่คาดเดาไม่ได้
Information & Telecommunication Systems
* Links to different website.