เทคโนโลยีด้านการเงินกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการให้บริการด้านการเงินในปัจจุบันด้วยการให้บริการรูปแบบใหม่ทั้งหมดที่ปรากฏให้เห็นกันแล้วทั่วโลก อุตสาหกรรมการประกันยังคงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางอุตสาหกรรมการประกันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยที่กำลังเกิดขึ้นใหม่
(อุตสาหกรรมการประกันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยหรือ InsurTech เป็นคำรวมที่มาจาก “Insurance” และ “Technology”)
บริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังพยายามในระดับสูงในการประกันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคือบริษัท Dai-ichi Life Insurance Co., Ltd จากการวิจัยร่วมกันกับฮิตาชิที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์อย่างสูงสุด บริษัทกำลังรวมเอานวัตกรรมในธุรกิจการประกันชีวิตที่ส่งมอบ “ ความสบายใจ ” และ “ การสนับสนุนด้านสุขภาพที่ครอบคลุม ” เข้าด้วยกันตลอดทั้งชีวิตของลูกค้า
สังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในปี ค.ศ. 2025 ประชากรในประเทศที่มีอายุมากกว่า 75 ปี จะเพิ่มขึ้นราว 18% ประชากรราว 10 ล้านคนในประเทศเผชิญกับโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูง จึงมีความสำคัญที่ญี่ปุ่นต้องสร้างเกณฑ์ที่ช่วยให้ประชากรในประเทศมีความสุขกับการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพโดยการจำกัดการแพร่หลายและความรุนแรงของการเป็นโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตดังเช่นโรคเบาหวานนี้ และป้องกันการเพิ่มจำนวนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของประเทศ
โชคดีที่มีความหวังมากขึ้น นวัตกรรมดิจิทัลที่ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่หรือปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ที่ซับซ้อนของข้อมูลทางการแพทย์จากสถาบันทางการแพทย์ สหพันธ์การประกันสุขภาพและองค์กรอื่นๆ สามารถดำเนินการป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และตรวจจับแนวโน้มของโรคต่างๆ เหล่านั้น การเรียนรู้ดังกล่าวสามารถใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพด้านการแพทย์เชิงป้องกัน การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ และการดูแลรักษาสุขภาพได้ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์จะถูกนำไปใช้ทดสอบเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ นั่นเอง
เรามองเห็นนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถทำให้เป็นจริงได้อยู่เสมอมา บริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นผู้นำในวิธีการนี้คือผู้ให้บริการประกันขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น Dai-ichi Life
ได้นำกิจกรรมด้านการประกันภัยที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยของตนรวมเข้าด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมการประกันชีวิตของบริษัท ซึ่งเรียกว่า “InsTech” บริษัทได้รวมเอาสุดยอดผู้เชี่ยวชาญราว 30 คนจากหลากหลายแผนกเพื่อสร้างทีมงานฝ่ายนวัตกรรม InsTech ซึ่งแสวงหาความสุดยอดในด้านกลยุทธ์ที่สำคัญ 3 อันดับต้น ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การพิจารณารับประกันภัย และการตลาด
แต่ Dai-Ichi Life พบว่าการพัฒนาไปเป็นธุรกิจประกันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพียงลำพังนั้นมีความยาก เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีและทักษะความชำนาญที่ทันสมัยล่าสุด ดังนั้น บริษัทจึงนำเข้าแหล่งทรัพยากรด้านการพัฒนามาจากข้างนอก และเชื่อมโยงโดยความร่วมมือจากภายนอกและระบบนิเวศที่ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
Kenji Itaya ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ด้านการพิจารณารับประกันภัยและการพัฒนาการบริการของทีมงานฝ่ายนวัตกรรม InsTech กล่าวว่า “ด้วยรูปแบบธุรกิจที่ผสานความร่วมมือกับต่างอุตสาหกรรมที่หลากหลายกำลังเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่มีเวลาให้เราอยู่อย่างใจเย็นในอุตสาหกรรมการประกันชีวิต จริงๆ แล้วภาคส่วนอื่นๆ มีมุมมองใหม่ๆ และนัยข้อมูลต่างๆ ที่เราไม่สามารถชี้ระบุได้ด้วยตัวเราเอง เราจึงจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมที่มีการประสานงานร่วมกันที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”
ดังนั้น Dai-ichi Life จึงเริ่มการวิจัยร่วมกับฮิตาชิในเดือนกันยายน ปี 2016 หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ทั้งสองบริษัทได้พัฒนารูปแบบการประเมินเชิงปริมาณเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้และระยะเวลาของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่มีต้นกำเนิดจากการเจ็บป่วยเป็นโรคจากวิถีชีวิต
รูปแบบนี้คือผลผลิตจากองค์ประกอบ 3 ประการที่ได้กล่าวไป ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์ของผู้ถือกรมธรรม์ของบริษัท Dai-ichi Life ราว 10 ล้านคน องค์ความรู้ด้านการแพทย์จากการพิจารณารับประกันภัย และการวิเคราะห์วิธีการจากเทคโนโลยีด้านการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ของฮิตาชิ* Dai-ichi Life ได้ใช้รูปแบบนี้เพื่อตรวจสอบเกณฑ์การพิจารณารับประกันภัยของบริษัท และมอบการคุ้มครองครอบคลุมแก่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่กำลังอยู่ภายใต้การรักษาพยาบาล
คุณ Itaya กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ประตูแห่งการทำประกันคุ้มครองชีวิตนั้นทั้งเปิดและปิดโอกาสในคราวเดียวกัน พร้อมด้วยการคุ้มครองระดับพรีเมียมในราคาที่สูงขึ้นกว่าการประกันรายบุคคลแบบปกติที่มีการดูแลเรื่องสุขภาพด้านต่างๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการในการทำประกันมากที่สุด เพื่อเติมเต็มพันธกิจทางสังคมของเราในฐานะผู้ให้บริการประกันชีวิต เราจึงต้องการส่งมอบการคุ้มครองที่ให้ความสบายใจแก่ลูกค้าของเรามากขึ้นโดยการใช้ InsTech และให้บริการการคุ้มครองระดับพรีเมียมเหมือนกันสำหรับทุกคน”
ดร. Kei Adachi แพทย์ผู้ดูแลด้านการประเมินเพื่อพิจารณารับประกันภัยกรมธรรม์ภายในบริษัท ระบุว่า “โรคที่เกิดจากวิถีชีวิตของผู้ใหญ่ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ถือเป็นโรคที่เป็นกันมากที่สุดและเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในญี่ปุ่น เนื่องจากความเจ็บป่วยเหล่านี้สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตหรือหัวใจวายได้ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมีความกังวลมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรคเหล่านั้น นั่นคือเหตุผลที่เราเริ่มต้นพัฒนารูปแบบการประเมินนี้”
ผู้ให้บริการประกันชีวิตได้ตกลงตัดสินใจไปในแนวทางเดียวกันว่าควรให้ความคุ้มครองหรือการทำสัญญาพิเศษสำหรับผู้ทำประกันที่ป่วยเป็นโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตหรือผู้ที่มีประวัติของโรคดังกล่าวหรือไม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีโรคเดียวกันจะเผชิญกับความเสี่ยงที่เหมือนกัน รูปแบบการประเมินเชิงปริมาณช่วยทำให้สามารถทำการตัดสินใจที่ละเอียดเพื่อประเมินความคุ้มครองสำหรับลูกค้าแต่ละราย
คำถามคือทำไมบริษัทจึงเลือกฮิตาชิเพื่อเป็นพันธมิตรในโปรเจ็กต์นี้ เพราะว่าทักษะความชำนาญของฮิตาชิในด้านการริเริ่มลงมือที่มีมานานหลายปีได้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ในด้านการดูแลสุขภาพ
ฮิตาชิได้พัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันด้านการแพทย์มากมาย รวมถึงอุปกรณ์ฉายภาพการวินิจฉัยโรค ที่รู้จักกันดีคือเครื่องมือฉายภาพอวัยวะภายในร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ (MRI) และเครื่องมือวินิจฉัยโรคที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง นอกจากนี้ ฮิตาชิยังได้พัฒนาการบันทึกสถิติด้านสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบการทดสอบสำหรับโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์หลายแห่งทั้งในญี่ปุ่นและในต่างประเทศ
อีกทั้งบริษัทยังสร้างรูปแบบการพัฒนาของโรคที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการคาดการณ์อัตราการเกิดโรคจากวิถีชีวิตและค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ทั้งหมดอีกด้วย จากรูปแบบนี้ ได้มีการพัฒนาเป็นโซลูชันเพื่อควบคุมการใช้จ่ายด้านการแพทย์ประจำปีต่อโรคที่เกิดจากวิถีชีวิต การวิจัยร่วมกับ Dai-ichi Life นำไปสู่เทคโนโลยีและวิธีการขั้นสูงที่ครอบคลุมของฮิตาชิ
ก่อนการดำเนินการวิจัยร่วมกัน ฮิตาชิได้ใช้ NEXPERIENCE ซึ่งเป็นกระบวนการเชิงระบบของการสร้างความร่วมมือกับลูกค้าเพื่อพิจารณาและแบ่งปันวิสัยทัศน์ใหม่ๆ หรือแบบจำลองธุรกิจเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการร่วมมือกันกับ Dai-ichi Life นั้นจะเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งสองบริษัทได้ดำเนินการหารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าด้วย InsTech โดยการผสานรวมองค์ความรู้ที่วางแผนร่วมมือในระยะยาวต่อไป 10 หรือ 20 ปี
ในกระบวนการพัฒนาแบบจำลองการประเมินเชิงปริมาณเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้และระยะเวลาของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกิดจากการเจ็บป่วยเป็นโรคจากวิถีชีวิต ซึ่งเป็นหัวข้อการวิจัยแรก ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ของฮิตาชิได้ทุ่มเททำงานแบบเต็มเวลามาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มในแผนกของ Dai-Ichi Life ที่ประเมินการคุ้มครองชีวิต จากการทำงานในสถานที่จริงนี้ พวกเขาค่อยๆ ทำความเข้าใจธรรมชาติในข้อมูลของผู้ถือกรมธรรม์ ( ข้อมูลเมื่อมีการซื้อความคุ้มครอง, สถานะเมื่อถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังจากช่วงเวลาที่พิจารณา ฯลฯ...) และเงื่อนไขของการประเมิน พวกเขายังได้พัฒนาเทคนิคในการวิเคราะห์ความเสี่ยงสำหรับแต่ละรายบุคคลด้วยหลายโรค และทำหลักฐานของผลลัพธ์การวิเคราะห์เหล่านั้นให้เห็นเป็นภาพ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการแพทย์เช่น การตรวจสุขภาพและการขอเคลมประกันของสมาชิก 110,000 คนจากสังคมการประกันสุขภาพของฮิตาชิ พวกเขาทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อประเมินและยืนยันผลการวิจัย
ดร. Adachi พึงพอใจเป็นอย่างมากสำหรับความร่วมมือของบริษัทของเขากับฮิตาชิ เขาเกล่าวว่า “สมมติฐานของเราเป็นเช่นนั้น แม้แต่กับโรคความดันโลหิตสูง การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และความเสี่ยงในการผ่าตัด เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงสูงไปกว่านั้นในผู้ถือกรมธรรม์ที่แข็งแรง หากสถานการณ์ถูกควบคุมอย่างเหมาะสมโดยการเข้ารักษาในโรงพยาบาลและรับยา
การทำงานอย่างหนักกำลังเริ่มให้ผลลัพธ์ที่หนักแน่น การปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณารับประกันภัยตามแบบจำลองหมายถึงลูกค้ามากกว่า 300 ราย ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถได้รับความคุ้มครองเนื่องจากมีเงื่อนไขปัญหาด้านสุขภาพ สามารถซื้อความคุ้มครองที่ครอบคลุมได้แล้วตอนนี้ เพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่ Dai-Ichi Life ปรับใช้เกณฑ์ใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2017 ดร. Adachi ระบุว่า “ในหนึ่งปีหรือต่อจากนี้ เราใส่ใจที่จะให้ความคุ้มครองแก่คนอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 2,000 คน ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ยากที่จะได้รับความคุ้มครอง”
แบบจำลองธุรกิจแบบใหม่ในการขยายฐานลูกค้านี้ นอกจากการควบคุมความเสี่ยงมีผลกระทบที่มหาศาลต่ออุตสาหกรรมการประกันชีวิตแล้ว ก็ยังช่วยยับยั้งการลดจำนวนของผู้ถือกรมธรรม์ท่ามกลางอัตราการเกิดที่ลดลงด้วย ฝ่ายการจัดการของ Dai-ichi Life ยังพึงพอใจอย่างยิ่งกับผลลัพธ์นี้ และวางแผนในการดำเนินการพัฒนาการบริการให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ปรัชญาของบริษัทอย่าง “ลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง” เป็นจริง
ในความสำเร็จที่โดดเด่นของความพยายามในการริเริ่มของทั้งสองบริษัท Dai-ichi Life และฮิตาชิได้ดำเนินการไปขั้นตอนที่สองของการวิจัยร่วมกันในเดือนกันยายน 2017 พวกเขากำลังดำเนินการวิจัยขั้นพื้นฐานที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขด้านการแพทย์รายบุคคลและกิจวัตรตามวิถีชีวิต
สำหรับกรมธรรม์การประกันชีวิต บริษัทต่างๆ จะพิจารณาตามปกติว่าจะเสนอความคุ้มครองที่ครอบคลุมตามสุขภาพของผู้สมัครกรมธรรม์หรือไม่ แต่ความเสี่ยงของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือความเสี่ยงในการเสียชีวิตอาจแตกต่างกันในผู้สมัครกรมธรรม์สองคนแม้ในเงื่อนไขสุขภาพเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเงื่อนไขด้านการรักษาพยาบาลและกิจวัตรในการดำเนินชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ดังนั้น Dai-Ichi Life จึงวางแผนในการตรวจสอบขอบเขตการคุ้มครอง พัฒนาการบริการเพื่อป้องกันการแพร่หลายและความรุนแรงของโรคต่างๆ และปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้นโดยการประเมินความเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขของสุขภาพในช่วงเวลาที่ผ่านมาแทนการประเมินผู้คนเพียงแค่เวลาที่สมัครกรมธรรม์
คุณ Itaya กล่าวว่า “บริษัทประกันที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมีการริเริ่มในทุกที่ ไม่ใช่เพียงแค่ที่บริษัทของเรา ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจในอุตสาหกรรมการประกันชีวิตทั้งหมด จนถึงทุกวันนี้ รูปแบบของเรามีการสนับสนุนด้านการเงินเป็นศูนย์กลางในกรณีฉุกเฉินใดๆ แต่เราจะดำเนินการมากขึ้นในฐานะที่เป็นพันธมิตรตลอดชีวิตเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความคาดหวังการมีสุขภาพที่แข็งแรงสำหรับลูกค้าแต่ละคน
ใบสมัครที่มีข้อมูลขนาดใหญ่ด้านการแพทย์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับธุรกิจการประกันที่มีมาเก่าแก่ บริษัท Dai-ichi Life Insurance วางแผนที่จะดำเนินการบุกเบิกนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการประกันของตนในประเทศญี่ปุ่นโดยการแสวงหาความร่วมมือจากหลากหลายอุตสาหกรรม
ฮิตาชิจะดำเนินความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ต่อไปในการสร้างโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพขั้นสูงที่ปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และเพิ่มคุณภาพด้านการแพทย์ให้แข็งแกร่ง รวมถึงมีส่วนร่วมในการสรรสร้างชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรง มั่นคง และปลอดภัยในสังคมโลกต่อไป
วันเปิดตัว: กุมภาพันธ์ 2018
โซลูชั่นโดย: Hitachi, Ltd. หน่วยธุรกิจสถาบันการเงิน